
ขั้นตอน
ขายของออนไลน์

ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน วัดผลได้
หลายคนมีความคิดที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์เพราะคิดว่ามันดูง่าย ใครๆ ก็ทำกัน แต่ความจริงถ้าคุณแค่ทำตามคนอื่น
ไม่มีการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ก็มักจะเริ่มท้อ ขี้เกียจ และล้มเลิกไป สำหรับการขายของออนไลน์ คุณอาจจะเริ่มตั้งเป้าหมายจากง่ายๆ ก่อนก็ได้เช่น
- มีจำนวนการสั่งซื้อ 10 ออเดอร์ ต่อวัน หรือ 30 ออเดอร์ต่อเดือน
- มียอดขาย 50,000 บาท ต่อเดือน
- มีคนติดตาม Facebook 10,000 คน (ที่เป็นคนจริงๆ ไม่ใช่การซื้อ Like)
- มีคนเข้ามาดูเว็บไซต์ 10,000 คนต่อเดือน
เมื่อธุรกิจของคุณมีเป้าหมายชัดเจนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การหาเส้นทางเพื่อที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น

2. เลือกช่องทางโปรโมทสินค้า
เมื่อเราได้ชื่อแบรนด์ และรู้แล้วว่าลูกค้าของเราคือใคร สเต็ปถัดไปคือการเลือกช่องทางการขายสินค้า ซึ่งความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะขายเฉพาะช่องทางไหน เพราะแต่ละช่องทางก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น
Social Media
Facebook และ Instagram คนที่คิดจะขายของ
ออนไลน์ต้องมีช่องทางนี้อยู่ในหัวด้วยอย่างแน่นอน โดยจุดเด่นของ
Social Mediaจะอยู่ที่การเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย สามารถพูดคุย
จัดกิจกรรม และมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดี ช่วยสร้างภาพลักษณ์
ให้กับแบรนด์ร้านค้าที่ขายของผ่าน Facebook ไม่จำเป็นต้อง
แข่งขันในเรื่องของราคา แถมยังสามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้
ด้วยผ่านการทำคอนเทนต์ที่ดี สำหรับร้านค้าที่พึ่งเปิดเพจใหม่ๆ
อาจช่วยให้คนรอบตัวกด Like เพจ หรือช่วยกันแชร์ให้ร้านค้าเป็นที่รู้จักได้ หากมีต้นทุนก็สามารถลงโฆษณาเพื่อโปรโมทร้านค้าได้เช่นกัน
Marketplace
หรือที่เรารู้จักกันชื่อของ Shopee หรือ LAZADA เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ให้เราสามารถเข้าไปสร้างโปรไฟล์ร้านค้า และนำสินค้าไปลงขายได้ เป็นช่องทางที่นักช้อปมากมายเข้ามาค้นหาสินค้าที่ตัวเองต้องการ และเปรียบเทียบราคาจากหลายๆร้านก่อนซื้อ ทำให้ Marketplace มีการแข่งขันเรื่องราคาค่อนข้างมากแต่พฤติกรรมของนักช้อปก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน นอกจากการเปรียบเทียบราคา ยังมีการหาข้อมูลรีวิว เพื่อเปรียบเทียบเพิ่มเติมอีกด้วย ร้านไหนที่มีรีวิวเยอะ และดี ก็สามารถสร้างรายได้จากตรงนี้ได้อย่างต่อเนื่องสำหรับร้านค้าที่พึ่งเข้ามาใหม่ รีวิวยังไม่ค่อยมี หากขายสินค้าเหมือนกับร้านอื่นๆ ก็ยังต้องแข่งในเรื่องของราคา ทำให้ร้านค้าอาจจะต้องหาช่องทางอื่นๆ มาช่วยโปรโมทในช่วงแรกอีกด้วย
Website
หากร้านค้าของคุณมีเว็บไซต์ด้วย ก็จะช่วยให้ร้านสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มาจาก Google Search ได้ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะมีคุณภาพค่อนข้างมากเพราะคนที่ค้นหาข้อมูล หรือสินค้าบางอย่างบน Google โดยส่วนใหญ่จะมีความต้องการสินค้านั้นอยู่แล้วยิ่งถ้าเราสามารถทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับในหน้าแรกของ Google ได้ ร้านค้าของคุณก็จะมีคนเข้ามาซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง และระยะยาว นอกจากนี้เว็บไซต์ยังช่วยต่อยอดการตลาดออนไลน์ในช่องทางอื่นๆ ได้อีกมากเลย ยกตัวอย่างเช่น การเก็บข้อมูลของคนที่เข้ามาดูเว็บไซต์เพื่อนำไปกำหนดกลุ่ม
เป้าหมาย สำหรับการทำโฆษณาในช่องทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น
Facebook, Instagram หรือ Google Adsคุณอาจจะเคย
เห็นโฆษณาสินค้า จากเว็บไซต์ที่คุณพึ่งเข้าไปดูมา อยู่บน
Facebook นี่ก็เป็นอีกรูปแบบของการตลาดออนไลน์ที่ร้าน
ของคุณสามารถทำได้หากมีเว็บไซต์ การทำเว็บไซต์ร้านค้า
ออนไลน์จะนิยมอยู่ 2 ประเภทคือ จ้างทำด้วย WordPress
และการใช้เว็บไซต์ สำเร็จรูป







LINE Official Account
จริงๆ แล้ว LINE OA นับว่าเป็น Social Media อีกช่องทางหนึ่ง แต่ที่ผมแยกมันออกมาเพราะว่า เราใช้มันโดยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป เราไม่ได้ใช้เพื่อโปรโมท แต่เราใช้ LINE OA เพื่อพูดคุยให้ ข้อมูลกับลูกค้าโดยเฉพาะหลายคนอาจจะคิดว่าแล้วทำไมไม่ใช้ Facebook Messenger ล่ะก็ไม่ผิดครับ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า ลูกค้าที่แอด LINE OA เพื่อเข้ามาสอบถามหรือสั่งซื้อสินค้า มีโอกาส ปิดการขายได้ มากกว่า Facebook Messenger ถึง 70% และตอนนี้เราก็เราสามารถลง สินค้าผ่าน LINE My Shop ได้อีกด้วย เมื่อลูกค้าสนใจสินค้าสามารถส่งลิงก์นี้ให้ลูกค้ากดซื้อ และชำระเงินได้ทันที
1. วางแผนการตลาด แน่นอนว่าการจะทำธุรกิจ หากเราคิดปุ๊บ ทำปั๊บ ไม่มีการวางแผนก็มีความเสี่ยงสูงที่ธุรกิจของเราจะไปไม่รอด เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เราควรจะทำก็คือ “การวางแผน”
ชื่อร้าน / แบรนด์
การตั้งชื่อร้านค้า หรือแบรนด์ ควรใช้ชื่อที่กระชับ จดจำได้ง่าย เป็นเอกลักษณ์ และไม่ซ้ำกับคนอื่น วิธีการตรวจสอบชื่อแบรนด์ว่าซ้ำกับคนอื่นหรือไม่ เราอาจนำชื่อที่คิดได้มาลองค้นหาบน Google Search, Facebook หรือ Instragram ดูก่อนก็ได้ว่า มีใครตั้งชื่อเพจ ร้านค้า และเว็บไซต์นี้แล้วหรือยัง
ค้นหากลุ่มลูกค้าที่ใช่
การขายของออนไลน์หากเรารู้จักกลุ่มเป้าหมายหรือรู้ว่าลูกค้าของเราเป็นใครจะช่วยให้เราสามารถทำการตลาดออนไลนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านของการทำคอนเทนต์ ทำโฆษณา รวมถึงแนวทางในการพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ และการให้บริการ โดยสิ่งที่คุณต้องค้นหาก็คือ
- ลูกค้าของเราเป็นใคร : เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ
- ลูกค้าของเราอยู่ที่ไหน : ประเทศ จังหวัด หรือพื้นที่ ที่มีความเฉพาะเจาะจง
- ลูกค้าของเรามีพฤติกรรมแบบไหน กำลังสนใจเรื่องอะไรอยู่ คุณอาจเคยเห็น
คอนเทนต์บน Facebook แล้วรู้สึกว่าคำมันโดน สินค้าชิ้นนี้ ตรงกับที่เรา
กำลังสนใจอยู่ ร้านนี้อยู่ไม่ไกลด้วย นั่นเพราะว่าเขาค้นหาคุณเจอแล้วนั่นเอง
3. เลือกช่องทางการชำระเงิน
สิ่งสำคัญที่ร้านค้าออนไลน์จะขาดไปไม่ได้เลยคือ
ช่องทางการรับชำระเงินออนไลน์
ร้านค้าออนไลน์หลายแบรนด์อาจเริ่มต้นจากการจากใช้บัญชีธนาคารในการรับเงิน แต่ถ้าจะให้ดี หากร้านค้าสามารถรับชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตได้ ร้านของคุณจะมีโอกาสปิดการขาดเพิ่มขึ้นอีก 30% เลยทีเดียว
การรับชำระด้วยบัตรเครดิตนั้นสามารถทำได้โดยใช้บริการ Payment Gateway ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
- ของธนาคาร : K-Payment Gateway ของธนาคารกสิกร
- ไม่ใช่ของธนาคาร : Paypal, GB Prime Pay
แน่นอนว่าหลายคนพอเห็นว่ามีการเก็บค่าธรรมเนียมด้วยเลยไม่อยากใช้งาน แต่ผมแนะนำว่า ควรใช้ครับ เพราะสิ่งที่คุณจะได้กลับมาคือ โอกาสปิดการขาย และจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
4. วัดผลลัพธ์การตลาดออนไลน์
ไม่ใช่แค่การขายของออนไลน์ แต่การทำธุรกิจทุกประเภทหากต้องการให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องรู้จักการวัดผลลัพธ์ด้วย เพื่อให้เรารู้ว่าเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ตั้งแต่ต้นนั้น เราทำสำเร็จ หรือใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ ตัวอย่างเช่น
เป้าหมายคือ มีคนเข้ามาดูเว็บไซต์ 5,000 คนต่อเดือนผลลัพธ์คือ เดือนทีแล้วมีคนเข้ามาดู 50 คนแนวทางการปรับปรุง ลองเขียนคอนเทนต์ที่น่าสนใจ โดยใช้ Keyword ที่มีปริมาณการค้นหา หรือ โฟกัสที่การทำ SEO ให้มากขึ้นการวัดผลลัพธ์นั้นช่วยให้เรารู้ว่าจุดบ้างไหนที่เราควรปรับปรุง เพื่อที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายนั้นให้ได้แต่ถ้าผลลัพธ์ที่คุณได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ สิ่งที่คุณต้องทำต่อไปก็คือ ตั้งเป้าหมายให้ให้สูงขึ้น เพื่อธุรกิจของคุณโตขึ้นไปตามเป้าหมายที่คุณตั้งไว้

Tips สำหรับร้านค้าที่มองไม่เห็นทางว่าเราควรจะพัฒนายังไงต่อไป แนะนำให้ “ศึกษาจากคู่แข่ง” คู่แข่งของเราขายสินค้าช่องทางไหนบ้าง มีวิธีการโปรโมทยังไงให้น่าสนใจ รูปภาพ การเขียนแคปชั่น กิจกรรมทางการตลาด การตลาดของคู่แข่งในแต่ละช่องทางเขาทำยังไง การศึกษาจาก Case Study จากคู่แข่ง จะช่วยให้เรามีแนวทางในการพัฒนาร้านค้าได้อย่างแน่นอน
Get Start !
หากคุณอยากให้ร้านค้าประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์ เริ่มต้นทำตั้งแต่วันนี้เริ่มวางแผน ตั้งชื่อร้านให้แตกต่าง หากลุ่มเป้าหมายให้เจอ และที่สำคัญตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนเลือกช่องทางการโปรโมทสินค้าให้ครอบคลุม เข้าถึงลูกค้าทุกช่องทางเลือกช่องทางการชำระเงิน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพื่อเพิ่มโอกาสปิดการขายสุดท้ายที่คุณทำมาทั้งหมด ต้องวัดผลได้ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนา ให้ไปถึงไปหมายที่ตั้งไว้